เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ได้แพร่ระบาดไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ทำให้ประชาชนและธุรกิจหลายภาคส่วนได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นภาคการท่องเที่ยว ภาคบริการ ภาคธุรกิจ รวมไปถึงภาคการผลิตบางส่วน ทำให้ผู้ประกอบการอาชีพที่เกี่ยวข้องเหล่านี้อาจจะถูก ลดเงิน หรือปิดชั่วคราว ซึ่งทำให้มีผลกระทบต่อรายได้ในแต่ละเดือน

ทั้งนี้สถานการณ์โควิด-19 ก็ไม่รู้ว่าจะจบลงไปเมื่อไหร่ ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือ การบริหารเงิน เพื่อให้รอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ !

1. เช็คสภาพคล่องเงินของตัวเอง

เนื่องจากในตอนนี้สถานการณ์ โควิด-19 ที่กำลังระบาด สิ่งแรกที่เราควรทำคือ เช็คสภาพคล่องเงินของตัวเอง ซึ่งหมายถึงการเช็คสภาพการเงินที่เรามีตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเงินสด เงินในบัญชีออมทรัพย์ หรือกระแสรายวัน รวมไปถึงทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ และสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ อย่างเช่น กระเป๋า นาฬิกา รองเท้า และอื่น ๆ โดยทำการประเมินเป็นเงินคร่าว ๆ ดูว่าประมาณเท่าไหร่ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเมื่อไหร่ และสามารถกลับสู่สภาวะปกติได้เมื่อไหร่

ดังนั้นเมื่อเราทราบสภาพคล่องของตัวเองแล้ว เราจะได้รู้ว่าเงินที่เรามีอยู่ในตอนนี้มีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะทำให้เราจะประเมินได้ว่า เราจะอยู่ได้อย่างไม่เดือดร้อนอีกกี่วัน กี่เดือน และหากประสบปัญหาจะได้มองหามาตรการเยียวยาอื่น ๆ ของภาครัฐ

2. ตรวจสอบค่าใช้จ่ายของตัวเอง

หลังจากที่เราได้ทราบสภาพการเงินที่เรามีแล้ว ต่อมาคือการตรวจสอบค่าใช้จ่ายของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายแบบประจำ เช่น ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าบัตรเครดิต ค่าเบี้ยประกันต่าง ๆ เราจึงควรมีเงินให้เพียงพอสำหรับการชำระรายจ่ายประจำของตัวเอง แต่ถ้าหากในตอนนี้ค่าใช้จ่ายเหล่านี้เกินความสามารถที่เราจะจ่ายได้ ให้ลงปรึกษาธนาคารที่เรากู้เงินมาว่าจะมีมาตรการให้ความช่วยเหลืออะไรบ้าง หรือคนที่ต้องจ่ายเบี้ยประกันชีวิต ให้ลองปรึกษาตัวแทนดู เพื่อยืดระยะเวลาผ่อนผันในการชำระเบี้ยออกไปได้ ต่อมาคือ ค่าใช้จ่ายผันแปร เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง ค่ากิน ค่าช้อปปิ้ง ค่าเน็ต

หากมองแล้วสิ่งไหนไม่ค่อยจำเป็นให้ตัดออก หรือลดปริมาณลงไปก่อนในช่วงนี้ เพื่อทำให้การใช้สอยต่าง ๆ ของเราคล่องมากขึ้น และเพียงพอต่อการใช้จ่าย

3. เช็คสิทธิ์ความคุ้มครองด้านสุขภาพ

เพราะสถานการณ์ โควิด-19 ทำให้เราต้องดูแลรักษาสุขภาพมากยิ่งขึ้น หรือหากถ้าเราป่วยในช่วงสถานการณ์เช่นนี้ แล้วเราโดนปรับลดเงินเดือน หรือต้องหยุดงานชั่วคราว เราควรทำการเช็คดูว่าตัวเองมีสิทธิ์คุ้มครองเรื่องสุขภาพอะไรอยู่บ้าง หรือคนที่ซื้อประกันสุขภาพไว้ ให้เอากรมธรรม์ออกมาศึกษารายละเอียด และดูว่ามันครอบคลุมมากน้อยแค่ไหน ส่วนคนที่ไม่มีประกันสุขภาพ ก็ให้เช็คสิทธิ์ประกันกลุ่มของบริษัทว่ามีหรือไม่ เช็คสิทธิ์ประกันสังคมของตัวเองว่าอยู่ที่โรงพยาบาลไหน และสำหรับคนที่ไม่มีประกันสังคม ก็สามารถเช็คสิทธิ์บัตรทองไว้ ถ้าหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น จะทำให้เรารู้ว่าควรไปรักษาที่โรงพยาบาลไหน

4. หารายได้เสริม

การหารายได้เสริม เป็นสิ่งที่สามารถทำให้เราเอาเงินจากส่วนนี้มาใช้จ่ายต่อไปได้เพิ่มขึ้น เพราะการมีรายได้ทางเดียวไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเสมอไป เนื่องจากบางคนอาจจะโดนปรับลดเงินเดือน หรือต้องหยุดงานชั่วคราว ซึ่งทำให้รายได้หายไป และเราก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสถานการณ์นี้จะกลับสู่สภาวะปกติได้เมื่อไหร่

ดังนั้นการหารายได้เสริมจึงเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างมาก โดยอาจเริ่มจากสิ่งที่เราชอบ และถนัด อย่างเช่น ขายอาหาร ขายขนม ขายเครื่องดื่ม เป็นต้น ซึ่งสามารถทำตามออร์เดอร์ หรืออาจจะขายหน้าบ้าน หรือส่งให้กับร้านค้าในชุมชน และขายทางออนไลน์ก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้เรายังสามารถนำของพวกเสื้อผ้า กระเป๋า นาฬิกามือ และของอื่น ๆ มาขายเป็นสินค้ามือสองได้อีกด้วย

5. ชะลอการสร้างหนี้

เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าโรคโควิด-19 จะอยู่กับเราไปนานแค่ไหน ซึ่งตอนนี้หากต้องการจะซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือสร้างหนี้ก้อนใหญ่ จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ หรือพิจารณาให้รอบคอบก่อน ถ้าสิ่งที่กำลังจะซื้อยังไม่จำเป็นมาก หรือสามารถรอได้ ก็อย่าเพิ่งรีบซื้อ ควรซื้อแต่จำเป็น ต้องพักการเป็นหนี้ระยะยาวก่อน เพราะการสร้างรายจ่ายถาวรในสภาวะที่รายได้ไม่คงที่ หรือรายรับยังไม่แน่นอนเป็นเรื่องที่อันตรายมาก จึงควรจับตาดูสถานการณ์ไปก่อน

ทั้ง 5 วิธีนี้สามารถเริ่มทำได้เลยตั้งแต่ตอนนี้ เพราเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวที่เราเริ่มได้เลย อาจจะเริ่มจากการปรับพฤติกรรมลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น พยายามหาช่องทางที่พอจะเป็นรายได้เสริมให้กับเราได้ รวมไปถึงอย่าเพิ่งสร้างหนี้เพิ่ม หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น เราควรคอยติดตามข่าวสารต่าง ๆ และดูแลรักษาตัวเองให้มีสุขภาพที่แข็งแรง กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แล้วเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน