ในตอนนี้ประเทศไทยได้เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 อีกครั้ง ทำให้ส่งผลต่อวิถีชีวิต สุขภาพกาย และเศรษฐกิจโดนตรงแล้ว ในทางอ้อมยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต ที่ถึงขั้นสร้างความเครียดสะสมได้ง่าย ๆ ทั้งแบบที่รู้ตัว และไม่รู้ตัว หรือบางรายอาจจะแสดงออกในลักษณะอาการทางร่างกาย ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาแนะนำ 5 วิธีแก้เครียดช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่จะช่วยให้จิตใจของคุณดีขึ้นกันค่ะ
1. แบ่งพื้นที่สำหรับการทำงาน และพื้นที่พักผ่อนให้เป็นสัดส่วน
การทำงานที่บ้านอาจทำให้เกิดของความเครียดได้ เพราะงาน ได้ก้าวล้ำเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของคุณ ซึ่งพื้นที่แห่งการพักผ่อน อย่างห้องนอน ห้องนั่งเล่นของใครหลาย ๆ คน ก็ถูกเปลี่ยนเป็นออฟฟิศชั่วคราว และเมื่อคุณตื่นเช้ามาก็เจอคอมพิวเตอร์ และงานรออยู่ที่ปลายเตียง อาจสร้างความวิตกกังวล เพราะงานตามเรามาได้ทุกเมื่อ จนสุดท้ายแล้วเกิดเป็นความเครียดสะสมได้
2. ทำกิจวัตรประจำวันให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่ทำได้
การจัดสรรพื้นที่การทำงาน และการพักผ่อนให้ชัดเจน รวมไปถึงการจัดสรรเวลา ก็มีส่วนสำคัญต่อการรักษากิจวัตรประจำวันของคุณให้เป็นไปตามปกติมากที่สุด ทั้งการตื่นนอนเวลาเดิม พักรับประทานอาหารกลางวันเวลาเดิม และเลิกงานเวลาเดิม ซึ่งการรักษากิจวัตรเหล่านี้ จะทำให้คุณรู้สึกสามารถควบคุมชีวิตที่เปลี่ยนไปจากการกักตัวอยู่บ้านได้ดีขึ้น
3. ทำสิ่งที่สนใจ และงานอดิเรกที่ชอบ
การที่ต้องกักตัวอยู่บ้าน และต้องทำงานอยู่ที่บ้าน ทำให้หลาย ๆ คน เริ่มมองหากิจกรรมที่สามารถทำได้ด้วยตนเองมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดความเบื่อหน่าย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย ทำอาหาร อ่านหนังสือ ทำงานศิลปะ งานประดิษฐ์ รวมไปถึงการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เช่น การทำอาหาร การเรียนภาษา การตกแต่งสวน เป็นต้น ทำให้สนุกผ่อนคลาย และเพลิดเพลินไปกับการอยู่บ้านได้อีกด้วย
4. ติดต่อพูดคุยคลายความทุกข์
การติดต่อสื่อสารกับครอบครัว เพื่อน หรือคนที่ไว้วางใจอยู่เสมอ ไม่ว่าจะโทรหากัน หรือวีดีโอคลอหากัน เพื่อแบ่งปันความคิดเห็น ระบายความรู้สึก ความทุกข์ในใจ ให้กำลังใจกัน และกัน นอกจากจะเป็นการติดต่อพูดคุยคลายความทุกข์แล้ว ยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์อีกวิธีหนึ่งด้วย
5. ติดตามข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ
โดยเลือกติดตามเฉพาะข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ และหลีกเลี่ยงการติดตาม และส่งต่อข้อมูลต่าง ๆ ที่ไม่มีการอ้างอิงแหล่งที่มา หรือ ข่าวปลอม (Fake News) ดังนั้น จึงควรติดตามข่าวสารเท่าที่จำเป็น และต้องมีสติในการรับฟังข่าวสารอยู่เสมอ ไม่ควรตระหนกจนเกินไป
นอกจากการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายแล้ว การดูแลสุขภาพใจก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน เพื่อให้ทั้ง 2 อย่างแข็งแรง และผ่านวิกฤติครั้งไปได้ด้วยดี
ข้อมูล: www.pttgcgroup.com และ www.bangkokbiznews.com