เทศกาลกินเจ ปีนี้กำลังจะเริ่มแล้ว ซึ่งช่วงเทศกาลกินเจของทุกปี ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ไปจนถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน โดยจะตรงกับช่วงเดือนกันยายนหรือตุลาคมของตามปฏิทินไทย รวมช่วงกินเจทั้งหมดเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน ซึ่งช่วงเวลากินเจในปี พ.ศ. 2563 เริ่มตั้งแต่ วันศุกร์ ที่ 17 ตุลาคม ถึง วันอาทิตย์ ที่ 25 ตุลาคม ซึ่งบางคนอาจจะเริ่มล้างท้องตั้งแต่วันที่ 15-16 ตุลาคม เพื่อชำระล้างเนื้อสัตว์และของคาวต่าง ๆ ที่ตกค้างในร่างกายให้หมดก่อนถึงเทศกาลกินเจ แต่ทั้งนี้หลาย ๆ คนที่สนใจ หรืออยากจะเริ่มกินเจเป็นครั้งแรก อาจจะอยากรู้ประวัติความเป็นมา การปฏิบัติตัวช่วงเทศกาลกินเจ และประโยชน์ของการกินเจ ดังนั้นวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับเทศกาลกินเจให้มากขึ้นค่ะ

ประวัติความเป็นมาของเทศกาลกินเจ

“เทศกาลกินเจ” เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 400 ปีก่อน ในประเทศจีน ซึ่งเป็นยุคที่ชาวจีนถูกชาวแมนจูปกครอง และบังคับให้ชาวจีนยอมรับวัฒนธรรมของแมนจู จึงเกิดชาวจีนกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นมาต่อต้านชาวแมนจู โดยใช้หลักธรรมเข้าร่วมคือ การนุ่งขาว ห่มขาว ไม่กินเนื้อสัตว์ และเรียกตัวเองว่า “หงี่หั่วท้วง” ซึ่งเชื่อว่าการกระทำเช่นนี้ จะช่วยเพิ่มอำนาจและความเข้มแข็งให้กับชาวจีน แต่ถึงแม้จะได้ต่อสู้อย่างอาจหาญ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถต้านทานการรุกรานของชาวแมนจูได้ เพราะสุดท้ายชาวจีนพ่ายแพ้ต่อชาวแมนจู อีกทั้งถูกชาวแมนจูสังหารเป็นจำนวนมาก ต่อมาจึงมีการพร้อมใจกันถือศีลกินเจและรำลึกถึงกลุ่ม “หงี่หั่วท้วง” ในทุกวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 จึงกลายมาเป็น “เทศกาลกินเจ” ที่สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้ ทั้งนี้สำหรับเมืองไทยความเชื่อเรื่องการกินเจ เป็นไปในแนวทางของการละเว้นการเอาชีวิตของสัตว์ เพื่อเป็นสักการะบูชาแก่พระพุทธเจ้า และมหาโพธิสัตว์กวนอิม อาจเนื่องจากการแพร่หลายของกการละเว้นการกินเนื้อวัว ในกลุ่มคนที่นับถือ “เจ้าแม่กวนอิม” การกินเจจึงเป็นอีกหนึ่งพิธีกรรมเพื่อสักการะ

การปฏิบัติตัวช่วงเทศกาลกินเจ

  • งดเว้นเนื้อสัตว์ หรือทำอันตรายต่อสัตว์
  • งด นม เนย หรือน้ำมันจากสัตว์
  • งดอาหารรสจัด อาหารรสเผ็ดมาก เค็มมาก หวานมาก เปรี้ยวมาก
  • งดผักกลิ่นฉุน กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุยช่าย ใบยาสูบ รวมทั้งเครื่องเทศที่มีกลิ่นฉุน
  • รักษาศีล 5
  • รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ รักษาอารมณ์ให้คงที่
  • ทำบุญ ทำทาน บางคนอาจนุ่งขาว ห่มขาว

ประโยชน์ของการกินเจ

1. ร่างกายสามารถขับถ่ายของเสียออกได้หมดทำให้ ไม่มีสารพิษตกค้างอยู่ภายใน
2. เมื่อรับประทานเป็นประจำ โลหิตจะถูกฟอกให้สะอาดขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มีสุขภาพดี
3. อวัยวะหลักสำคัญภายใน และอวัยวะประกอบ แข็งแรงทำงานได้เป็นปกติสมบูรณ์
4. ร่างกายสามารถต้านทานต่อสารพิษต่าง ๆ และสามารถทนต่อการทำลายจากรังสีต่าง ๆ ได้
5. สามารถต้านทานสารพิษได้สูงกว่าคนปกติ อย่างระบบขับถ่าย ย่อยอาหารและทางเดินอาหาร
6. การกินเจทำให้เกิดความเมตตา เกิดความสงบสุขุม อารมณ์ไม่ฉุนเฉียว ไม่โมโหง่าย
7. หยุดการสร้างบาป เวรกรรม ทำให้ไม่เกิดการอาฆาต พยาบาท

ในหนึ่งปีจะมีเทศกาลกินเจ 1 ครั้ง ยาวติดต่อกัน 9 วัน 9 คืน ซึ่งสำหรับใครที่กินเจอยู่เป็นประจำทุกปี อาจจะเป็นเรื่องง่าย แต่สำหรับบางคนที่เพิ่งเริ่มกิน อาจจะเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าได้ลองกินเจแล้ว รับรองว่าสุขภาพจะดีขึ้น และได้รับความรู้สึกอิ่มบุญอย่างแน่นอน ทั้งนี้การกินเจก็ถือเป็นการสร้างบุญพร้อมดีท็อกซ์ร่างกายไปในตัวอีกด้วยค่ะ

ที่มา : sites.google.com และ wongnai.com