นามบัตร เป็นสิ่งพิมพ์ที่เปรียบเสมือนเครื่องมือที่ช่วยถ่ายทอดตัวตนขององค์กร และเป็นพื้นฐานในการทำธุรกิจที่สามารถเป็นช่องทางการทำความรู้จัก การเจรจาติดต่อประสานงาน หรือทำการค้า และสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนในธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งการออกแบบนามบัตร จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยนามบัตรจะต้องมีความสวยงาม และเหมาะสมกับธุรกิจ สามารถแสดงให้เห็นถึงความพร้อม และความเป็นมืออาชีพของตัวคุณเอง และองค์กรหรือธุรกิจ รวมไปถึงสามารถสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น และทำให้ผู้รับสามารถจดจำคุณหรือบริษัทของคุณได้เป็นอย่างดี

ดังนั้น สำหรับใครที่กำลังจะทำนามบัตร ในวันนี้เราก็มี เทคนิคออกแบบนามบัตร เพิ่มความซิกเนเจอร์ สะท้อนเอกลักษณ์ขององค์กร มาฝากกันค่ะ จะมีเทคนิคดี ๆ อะไรบ้าง ไปดูพร้อมกันเลยค่ะ

เทคนิคการออกแบบนามบัตร

ดีไซน์ให้สอดคล้องกับประเภทธุรกิจ

การทำนามบัตร ควรออกแบบให้เหมาะสมกับธุรกิจนั้น ๆ เพราะการยื่นนามบัตรให้อีกฝ่าย เป็นเหมือนการแนะนำตัวเอง และแนะนำบริษัทด้วย ดังนั้น การออกแบบนามบัตร ต้องคำนึงถึงจุดเด่นของธุรกิจที่คุณต้องการสื่อสารไปถึงผู้รับให้มากที่สุด ตัวอย่างเช่น บริษัทสินเชื่อการเงิน ต้องการความน่าเชื่อถือ จึงควรใช้โทนสีที่สุภาพ ส่วนบริษัทโฆษณา ควรลดความเป็นทางการลง และใส่ความคิดสร้างสรรค์ให้มากขึ้น หรือธุรกิจขายของออนไลน์ ควรวางรูปแบบให้สะอาดตา และดูทันสมัย อาจจะเพิ่มรูปภาพที่สื่อถึงสินค้าของคุณลงไปบนนามบัตรด้วย

ออกแบบให้เรียบง่าย แต่ก็โดดเด่น สะดุดตา

การออกแบบนามบัตรที่เรียบง่าย ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป แต่ก็โดดเด่น และสะดุดตา สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ติดต่อได้เป็นอย่างดี ซึ่งการออกแบบในลักษณะนี้จะเน้นความสะอาดตา คุมโทนสีอย่างเหมาะสม เลือกจัดวางทุกองค์ประกอบบนหน้านามบัตรให้อ่านง่าย และเน้นความเป็นมิตรต่อผู้อ่านมากที่สุด ทั้งนี้นอกจากนามบัตรจะดูเป็นทางการแล้ว ก็ยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้กับองค์กรหรือธุรกิจที่ทำอยู่ด้วยได้อีกด้วย

ใส่ข้อมูลที่สำคัญ และไม่อัดข้อมูลอื่นที่ไม่จำเป็น 

ข้อมูลในนามบัตร ควรใส่เฉพาะข้อมูลที่จำเป็นเท่านั้น ข้อมูลไหนที่ไม่จำเป็น ไม่ต้องใส่เพิ่มลงไป เพราะจะทำให้ดูเยอะ และดูไม่มีความเป็นมืออาชีพ โดยข้อมูลที่ควร คือ โลโก้บริษัท, ชื่อ และตำแหน่ง, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล และเว็บไซต์ นอกจากนั้นก็ควรที่จะมี QR Code เพื่อให้คู่ค้าธุรกิจสามารถสแกนดูข้อมูลต่าง ๆ ได้ ทั้งนี้ข้อมูลบนนามบัตรของคุณ ควรมีทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษหรือภาษาของประเทศที่คุณต้องทำการติดต่อ เพื่อความสะดวกในการประสานงาน และยังช่วยเพิ่มความประทับใจให้เจ้าของภาษาได้อีกด้วย

เลือกฟอนต์ให้อ่านง่าย สบายตา

การเลือกใช้ฟอนต์บนนามบัตร ควรเป็นฟอนต์ที่อ่านง่าย สบายตา ถึงแม้จะถูกย่อให้มีขนาดเล็กก็ยังคงรายละเอียดได้อย่างชัดเจน ไม่ใช้ตัวอักษรที่มีลูกเล่นแปลกตาเยอะ ๆ จนรกหน้านามบัตร นอกจากนี้การเลือกใช้ฟอนต์สามารถช่วยสื่อถึงภาพลักษณ์ธุรกิจได้ เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวกับความสวยความงามหรือธรรมชาติ ควรเลือกฟอนต์ตัวบาง ดูนุ่มนวล และพลิ้วไหว ส่วนธุรกิจที่เกี่ยวกับไอที การสื่อสารยุคใหม่ ควรเลือกใช้ฟอนต์ตัวหนาที่ดูแข็งแกร่ง และเต็มไปด้วยพลัง เป็นต้น ทั้งนี้ขนาดของตัวอักษร ก็ต้องมีความพอดี ไม่เล็ก ไม่ใหญ่จนเกินไปด้วย

เลือกกระดาษที่แข็งแรง และเหมาะกับธุรกิจ

การเลือกกระดาษในการทำนามบัตร ก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญ เพราะสามารถสร้างความรู้สึกน่าเชื่อถือ ทั้งคุณ และบริษัทได้ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับนามบัตรได้อีกด้วย ดังนั้น จึงต้องดูด้วยว่าธุรกิจของเราเป็นแบบไหน เพื่อให้เลือกกระดาษได้เหมาะสม ซึ่งกระดาษที่ใช้ก็มีทั้งผิวสัมผัสเรียบลื่นไปจนถึงผิวสัมผัสหยาบที่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ แต่ทั้งนี้ก็ควรเลือกใช้กระดาษที่มีความหนาหรือความแข็งที่พอดีด้วย

 

กระดาษที่นิยมทํานามบัตร

กระดาษอาร์ตการ์ด มีลักษณะผิวหน้าคล้ายกระดาษอาร์ต แต่มีความหนาเพิ่มขึ้น โดยกระดาษอาร์ตการ์ดจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ กระดาษอาร์ตการ์ด 1 หน้า และกระดาษอาร์ตการ์ด 2 หน้า ซึ่งเหมาะสำหรับงานพิมพ์ 4 สี ที่เน้นความสวยงาม และเน้นสีสัน ๆ โดยความหนาที่เหมาะสำหรับทำนามบัตรอยู่ที่ 250 – 350 แกรม

กระดาษคราฟท์น้ำตาล เนื้อกระดาษมีความเรียบ ทำให้พิมพ์งานออกมามีความสวยงาม อีกทั้งกระดาษยังมีความเหนียว และแข็งแรงกว่ากระดาษธรรมดา สามารถทนต่อความชื้นได้ดี และการเสียดสีได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายตามธรรมชาติได้ โดยความหนาที่เหมาะสำหรับทำนามบัตรอยู่ที่ 275 แกรม

กระดาษพิเศษ จะมีลักษณะเฉพาะตัว ทั้งเนื้อกระดาษ เยื่อกระดาษ และผิวสัมผัสของกระดาษ ที่ต่างออกไปจากกระดาษทั่วไป ซึ่งกระดาษพิเศษ จะมีทั้งกระดาษที่มีหลายเฉดสี รวมถึงสีพิเศษ อย่างสีทอง และสีเงิน กระดาษที่มี Texture ผิวสัมผัส และกระดาษที่เคลือบผิวพิเศษ ซึ่งจะทำให้นามบัตรดูสวยงาม และโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

 

เทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์นามบัตร

การเคลือบ PVC สามารถป้องกันการเสียดสี และความชื้นได้ดี อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความแข็งแรง คงทน รวมไปถึงความเรียบ และความเงา โดยการเคลือบจะมีให้เลือก 2 แบบ คือ การเคลือบ PVC ด้าน และ PVC เงา

การสปอตยูวี เป็นการเคลือบเฉพาะจุด จะเน้นส่วนที่สำคัญหรือส่วนที่ต้องการให้โดดเด่น เช่น โลโก้ ตัวอักษร รูปภาพ รวมถึงข้อความต่าง ๆ โดยส่วนที่เคลือบนั้นจะดูเงามากกว่าส่วนอื่น และมีผิวสัมผัสมันวาวน่าสนใจ

การปั๊มฟอยล์ หรือปั๊มเค เป็นการใช้ความร้อนในการปั๊มแผ่นฟอยล์ลงบนนามบัตร ทำให้บริเวณที่ทำ เมื่อสะท้อนกับแสงจะได้ความเงางาม ช่วยให้นามบัตรดูหรูหรา และน่าสนใจมากขึ้น โดยสีที่ได้รับความนิยม คือ สีทอง สีเงิน แต่ก็ยังมีสีอื่น ๆ ให้เลือก เช่น สีโรสโกลด์ สีทองเเดง สีชมพู สีน้ำเงิน สีเขียว สีแดง เป็นต้น

การปั๊มนูน / ปั้มจม เป็นการเพิ่มความสวยงามให้นามบัตรดูมีมิติมากขึ้น โดยการปั๊มนูน จะกดทับกระดาษให้นูนขึ้นได้รูปลักษณ์ตามแบบของแม่พิมพ์ที่ใช้กดทับ ทำให้ตัวอักษร โลโก้ หรือบริเวณที่ต้องการเน้น มีความคมชัด ในส่วนของการปั๊มจม จะกดทับกระดาษให้ลึกลงไปให้ได้รูปลักษณ์ตามแบบของแม่พิมพ์ที่กดทับ เพื่อเน้นให้งานพิมพ์บริเวณนั้น ๆ สวยงาม

ไดคัทมุมมน เป็นการไดคัทที่จะใช้บล็อกใส่มีดสี่เหลี่ยมมุมมนปั๊มลงไป ทำให้งานที่ได้จะมีมุมมนทันที ซึ่งการไดคัทสามารถช่วยสร้างความสวยงาม ทำให้ดูน่าสนใจ และทำให้งานพิมพ์ดูสะดุดตามากยิ่งขึ้นอีกด้วย

 

สรุป

การทำนามบัตรที่ดี นอกจากจะมีการออบแบบที่สวยงาม สะท้อนถึงตัวบุคคล และองค์กรได้แล้วนั้น การใส่ข้อมูลที่สำคัญอย่างครบถ้วน การเลือกกระดาษที่มีความแข็งแรง เหมาะกับการใช้งาน และองค์กร รวมไปถึงการเลือกใช้เทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์ ล้วนช่วยทำให้นามบัตรของคุณดูดี ดูน่าสนใจ และยังสามารถช่วยเพิ่มความประทับใจให้กับผู้ที่ได้รับนามบัตรได้อีกด้วยค่ะ

สำหรับท่านใดที่สนใจอยากทำนามบัตร สามารถติดต่อ บริษัท เอ็ม.ไอ.ดับบลิว.กรุ๊ป จำกัด ของเราได้เลยค่ะ เรายินดีให้บริการออกแบบ และรับผลิตนามบัตร ทุกรูปแบบ ทุกประเภท โดยไม่จำกัดจำนวนขั้นต่ำ เราพร้อมให้คำปรึกษาและคำแนะนำ และให้บริการงานพิมพ์คุณภาพด้วยเครื่องพิมพ์มาตรฐานระดับโลก สีสวย คมชัด ไม่ซีดจาง ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ทันสมัย พร้อมด้วยบริการที่รวดเร็วและตรงต่อเวลา

เกี่ยวกับ MIW Group 

บริษัท เอ็ม.ไอ.ดับบลิว. กรุ๊ป จำกัด รับผลิตสื่อ สิ่งพิมพ์ครบวงจรทั้ง Digital & Offset ด้วยคุณภาพที่ได้รับมาตรฐานระดับเหรียญทอง ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานมากกว่า 28 ปี ซึ่งเรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาทักษะด้านการพิมพ์ และรักษามาตรฐานมาโดยตลอด มั่นใจได้ว่าเรามีความพร้อมในการผลิตงานพิมพ์ที่มีคุณภาพส่งมอบให้กับลูกค้าอย่างแน่นอน