สำหรับใครที่กำลังจะเริ่มทำงานพิมพ์ นอกจากขั้นตอนการออกแบบงานพิมพ์ที่มีความสำคัญแล้วนั้น ขั้นตอนการพูดคุยก่อนส่งงานให้กับโรงพิมพ์ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน เพราะเราจะต้องบอกรายละเอียดต่าง ๆ ให้ทางโรงพิมพ์ทราบ อย่างกระดาษที่จะใช้ รูปแบบการเข้าเล่ม เทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์ รวมไปถึงการพิมพ์สี เพื่อให้ทางโรงพิมพ์ประเมินราคาก่อนสั่งพิมพ์ได้ แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ค่อยรู้ว่าการพิมพ์สี มีรายละเอียด และการเรียกที่แตกต่างกัน แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่างานพิมพ์ของเรามีกี่สี มีเยอะสีไหม ต้องนับสียังไง และเรียกว่าอะไร ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปดูวิธีการนับสีในงานพิมพ์กันค่ะ

วิธีการนับสีในงานพิมพ์

การนับสีในงานพิมพ์ มีหลักการอยู่ว่า 1 เพลท คือ 1 สี เพราะภาพต่าง ๆ ที่เราเห็นจะใช้แค่ 4 เพลท หรือที่เรียกกันว่างาน 4 สี โดยใช้หลักเดียวกันกับการผสมสี แม่สี 3 สี และจะมีสีดำอีกหนึ่งเป็น 4 ผสมกันวาดเป็นภาพเหมือนจริงได้ แต่งานพิมพ์ก็จะมีสีพิเศษเพิ่มเข้ามาตามความต้องการใช้งาน เช่น สีเงิน สีทอง ซึ่งจะต้องเพิ่มเพลทมา 1 เพลท หรือ 1 สีด้วยนั่นเอง

 

พิมพ์ 1 สี

การพิมพ์ 1 สี หรือ การพิมพ์สีเดียว ส่วนใหญ่จะเป็นงานพิมพ์ขาว ดำ ซึ่งจะมีต้นทุนต่ำที่สุด นอกจากนี้งานพิมพ์สีเดียวไม่จำเป็นจะต้องใช้แค่สีขาวกับดำ แต่จะพิมพ์เป็นสีเขียว เหลือง แดง น้ำเงิน ก็ได้เช่นกัน และในสีที่พิมพ์นั้น ยังสามารถทำเป็นหลายระดับ ตั้งแต่อ่อนไปจนถึงเข้มได้ ทำให้ดูเหมือนว่ามีหลายสีในงานเดียวกันได้อีกด้วย

งานพิมพ์ที่นิยมพิมพ์สีเดียว เช่น หนังสือเรียน สมุดโน้ต สติกเกอร์บาร์โค้ด พ็อกเก็ตบุ๊ค แต่จะเป็นเนื้อหาข้างใน ไม่ใช่ปก

 

พิมพ์ 2 สี และ 3 สี

การพิมพ์ 2 สี และ 3 สี ส่วนใหญ่จะนิยม 2 สี เช่น ดำกับแดง ดำกับน้ำเงิน เขียวกับเหลือง หรือจะเป็นคู่สีอะไรก็ได้ แต่ทั้งนี้ก็จะมีค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มขึ้นด้วย เพราะโรงพิมพ์จะต้องเพิ่มเพลทตามจำนวนสี และต้องเพิ่มเที่ยวพิมพ์ตามไปด้วย ซึ่งการพิมพ์ 2 สี และ 3 เพื่อเป็นการเพิ่มความน่าสนใจ และความสวยงามให้งานพิมพ์ดูน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น

งานพิมพ์ที่นิยมพิมพ์ 2 สี และ 3 สี เช่น สมุดโน้ต สติกเกอร์ทั่วไป ถุงกระดาษ ซองเอกสาร ถุงกระดาษ เป็นต้น

 

พิมพ์ 4 สี

การพิมพ์ 4 สี จะทำให้ได้สีที่เหมือนกับรูปแบบหรือต้นฉบับที่เราต้องการ ซึ่งจะเป็นภาพที่มีสีสันสวยงามเหมือนกับที่ตาเราเห็น ในส่วนวิธีการพิมพ์ 4 สี จะใช้สี CMYK (สีดำ แดง เหลือง น้ำเงิน) โดยพิมพ์ผสมกันออกมาจะได้หลายสี แต่จะมีความยุ่งยากกว่าทั้ง 2 แบบแรก จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากต้องใช้เพลท 4 ตัว แล้วต้องพิมพ์ 4 รอบ

งานพิมพ์ที่นิยมพิมพ์ 4 สี เช่น ใบปลิว แผ่นพับ การ์ด หนังสือ ทำปกโปสเตอร์ ทำปกวารสาร หน้าแฟชั่นในนิตยสาร ฯลฯ

 

พิมพ์สีพิเศษ

สีพิเศษ คือ สีที่ไม่สามารถผสมระหว่างสีได้ เช่น สีทอง สีเงิน สีสะท้อนแสง สี Pantone อื่น ๆ เป็นต้น ซึ่งสีจำพวกนี้เป็นสีที่พิมพ์ออกมาให้ตรงกับหน้าจอค่อนข้างยาก แต่การใช้สีพิเศษช่วยในการพิมพ์นั้น จะทำให้งานพิมพ์ออกมาใกล้เคียงกับ Artwork ที่สุด ซึ่งจะต้องทำเพลทเพิ่มขึ้นตามจำนวนสีอีกเช่นเดียวกัน ทำให้ใช้ต้นทุนสูง จึงเหมาะกับงานพรีเมียมต่าง ๆ

งานพิมพ์ที่นิยมพิมพ์สีพิเศษ เช่น นามบัตร สมุด หนังสือ ใบปลิว แผ่นพับ กล่องบรรจุภัณฑ์ ปฏิทิน การ์ด โปสเตอร์ ถุงกระดาษ เป็นต้น

 

สรุป

การทำงานพิมพ์ นอกจากการออกแบบงานพิมพ์ให้ดูโดดเด่นแล้ว สีสันของงานพิมพ์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีความสวยงาม และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งการที่เรารู้วิธีการนับสีในงานพิมพ์ จะช่วยให้เราสามารถเลือกการพิมพ์สีได้อย่างเหมาะสม และสามารถรู้ว่าราคาแต่ละแบบมีความแตกต่างกันเท่าไหร่ อีกทั้งยังสามารถออกแบบงานของเราให้มีต้นทุนไม่สูงมากได้ แต่ก็ยังทำให้เราได้งานพิมพ์ที่ดี มีคุณภาพ ตามแบบที่เราต้องการเช่นเดิมได้อีกด้วย

สำหรับท่านใดที่สนใจอยากทำสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ สามารถติดต่อ บริษัท เอ็ม.ไอ.ดับบลิว.กรุ๊ป จำกัด ของเราได้เลยค่ะ เรายินดีให้บริการออกแบบ และรับผลิตสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ไม่ว่านามบัตร หนังสือ ใบปลิว แผ่นพับ ปฏิทิน การ์ด โปสเตอร์ สติกเกอร์ กล่องบรรจุภัณฑ์ ฯลฯ ทุกรูปแบบ ทุกประเภท โดยไม่จำกัดจำนวนขั้นต่ำ เราพร้อมให้คำปรึกษาและคำแนะนำ และให้บริการงานพิมพ์คุณภาพด้วยเครื่องพิมพ์มาตรฐานระดับโลก สีสวย คมชัด ไม่ซีดจาง ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ทันสมัย พร้อมด้วยบริการที่รวดเร็วและตรงต่อเวลา

เกี่ยวกับ MIW Group

บริษัท เอ็ม.ไอ.ดับบลิว. กรุ๊ป จำกัด รับผลิตสื่อ สิ่งพิมพ์ครบวงจรทั้ง Digital & Offset ด้วยคุณภาพที่ได้รับมาตรฐานระดับเหรียญทอง ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานมากกว่า 28 ปี ซึ่งเรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาทักษะด้านการพิมพ์ และรักษามาตรฐานมาโดยตลอด มั่นใจได้ว่าเรามีความพร้อมในการผลิตงานพิมพ์ที่มีคุณภาพส่งมอบให้กับลูกค้าอย่างแน่นอน